วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

โดนปรับ!! เล่นจริง เจ็บ(ใจ)จริง ไม่ใช้สแตนอิน


ที่เลือกเขียนเรื่องนี้ก่อนเรื่องไปเที่ยว Melbourne เพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่า หากใครคิดจะท่องเที่ยวขับรถใน Australia ล่ะก็ น่าอ่านไว้ครับ หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้ขับรถแต่อาจจะได้มีโอกาศนั่งรถไปกับเพื่อนๆก็จะได้ค่อยเตือนกันไว้นะครับ

- แอบเนียนใช้ตั๋วโดยสาร ก็ไม่รอด
เริ่มกับประสบการณ์โดนปรับครั้งแรกเลยครับ ในการใช้บริการขนส่งสาธารณะของรัฐ New South Wales นั้น จะมีตั๋วประเภทหนึ่งซึ่งสามารถใช้บริการได้ทั้งรถ bus, train, ferry, light rail ก็คือตั๋ว "Mymulti" จะขึ้นกี่รอบก็ได้ จะไปที่ไหนในบริเวณ zone ที่เขากำหนดไว้ก็ได้ ซึ่งมันเข้ากับการใช้ชีวิตของผมที่ชอบเดินทางมากๆ เลยไม่ลังเลใจที่จะซื้อมาใช้เลยครับ เป็นตั๋ว Mymulti Zone1 แบบ weekly ซึ่งในช่วงที่ผมซื้อนั้น ราคาตั๋วผู้ใหญ่อยู่ที่ $44 ต่ออาทิตย์ ใช้ไปสักพัก เห็นเพื่อนๆ ใช้ตั๋ว mymulti เหมือนกัน แต่เขาซื้อแบบประเภทนักเรียนทั้งๆที่เขาก็ไม่ใช่นักเรียน ซึ่งราคาแค่ $22 เอง!! เอาล่ะสิครับ ประหยัดได้ตั้ง week ล่ะ $22 แนะ ผมก็เลยจัดการเปลี่ยนทันทีเลยครับเป็นตั๋วนักเรียนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทุกครั้งที่ผมใช้ตั๋วนี้ เวลาเสียบเข้าทางเข้าออกรถไฟ มันจะมีเสียง ปิ๊ปๆ ส่งสัญญาณทุกครั้งเพื่อแสดงว่า ตั๋วนี้ไม่ใช่ตั๋วผู้ใหญ่ แต่ทุกครั้งที่ผมใช้บริการ ก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณแถวๆนั้น ก็เลยไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งมีอยู่สองครั้งครับที่เฉียดโดนจับ คือ ตอนขาออกรถไฟบางจุด มีเจ้าหน้าที่ยืนคอยตรวจอยู่ แต่ทุกครั้งผมก็อาศัยช่วงชุลมุนที่คนออกพร้อมกันเยอะๆ ผ่านมาได้ตลอด เพราะเจ้าหน้าที่มีแค่ 3-4 คน แต่คนออกพร้อมกันเป็น 20-30 คนนะครับ ยังไงก็ไม่ทัน เฉียดไป

และแล้วอยู่มาวันหนึ่ง เช้าตรู่ของวันหยุดราชการของทางรัฐ NSW แต่ผมยังคงต้องเดินทางไปทำงานตอน 6 โมงเช้าด้วยรถ bus อยู่ เป็นวันที่ปกติ เงียบสงบ เพราะยังเช้า มันก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อรถจอดรับผู้โดยสาร ณ ป้ายรถ bus จุดหนึ่ง ก็ได้มีชายหญิง 3-4 คนแต่งตัวคล้ายตำรวจ ขึ้นมาบนรถ บอกให้ผู้โดยสารทุกคนอย่าพึ่งลงจากรถพร้อมขอดูตั๋วผู้โดยสารทุกคน และนั่นก็ทำให้ผมรู้ตัวแน่ครับว่าไม่รอด เขาได้ขอดูบัตรนักเรียนผม เพราะผมใช้ตั๋วนักเรียน และแน่นอนครับว่าผมไม่มี บอกเขาไปว่าลืมไว้ที่บ้าน เขาก็อันเชิญผมลงจากรถไปหาเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มเพื่อขอข้อมูลที่อยู่ บัตรประจำตัวหรือ passport ผม ไม่นานก็มีจดหมายให้เสียค่าปรับส่งมาที่บ้านผม ซึ่ง ณ วันนั้น คนที่โดบปรับน่าจะมีประมาณ 10 กว่าคนนะครับ ส่วนใหญ่เป็นชาว asian 

ค่าปรับที่ต้องเสียก็ $200!! ครับ ผมแอบเนียนใช้มาได้ 9 อาทิตย์ก่อนโดนจับ ก็ประหยัดได้ $198 พอดี ค่าปรับ ผมก็เอาไปจ่ายที่ post office สรุปแล้วถือว่าผมใช้โปรโมรชั่นเหมาจ่ายทีเดียวเลยล่ะกัน ดังนั้น ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ เพราะ ณ ช่วงเวลาที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุด อาจเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดก็ได้ 

ตารางด้านล่างนี้เป็นค่าปรับรายการอื่นๆครับ (ใครชอบเอาเท้าวางบนเบาะ ระวังโดนปรับ $100 นะตัวเธอ)


OffenceOn-the-spot fineMaximum penalty
Putting feet on seats$100$1100
Travelling without a valid ticket$200$550
Littering$200$1100
Smoking$300$550
Drinking alcohol$400$1100
Offensive language, offensive behaviour or spitting$400$1100
Blocking doors or interfering with equipment$400$5500
Damaging vehicles or property through graffiti or vandalism$400$2200
Trespassing on railway land$400$5500
Throwing an object in, at or from a public passenger vehicle or station$200 $2200 



































- โดนกล้องจับความเร็ว



ความจริงที่แสนเจ็บปวดครับ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ผมต้องไปทำงานต่อช่วงเย็น ในเดือนธันวา 2013 - มกรา 2014 เป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งผมจะขับรถบนถนนเส้นที่จำกัดความเร็วที่ 70 km/h แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนที่จำกัดความเร็วที่ 50 km/h ซึ่งถนนเส้นนี้ก็มีป้ายบอกอยู่แล้วว่า มีกล้องจับความเร็วจำกัดที่ 50 km/h แต่ด้วยความประมาทของผม หลังจากที่ขับมา 70 km/h เลี้ยวเข้าสู่ถนน 50 km/h ผมไม่แตะเบรคทันที ปล่อยให้รถมันชะลอความเร็วเอง เพราะไม่รู้ตำแหน่งกล้องอยู่ตรงไหน กว่าจะลดลงมาที่ 50 km/hr ก็ปาเข้าไปที่ปลายๆถนนเส้นนั้นแล้วครับ เพราะเป็นถนนสั้นๆ แล้วผมก็ทำแบบนี้อยู่ทุกวัน จนมาวันที่ 15 มกราคม ได้รับจดหมายให้ไปเสียค่าปรับเนื่องจากขับรถเร็วเกินกำหนดแล้วกล้องตรวจจับไว้ได้ ณ วันที่ 23 ธันวาคม เอาล่ะสิครับ ช่วงเวลาตั้งแต่ 23 Dec - 15 Jan ก็เกือบ 1 เดือน คิดหนักเลยครับว่า ผมขับแบบเดิมผ่านทุกวันด้วย ต้องโดนหลายใบแน่ๆ ผมจึงเขียน email ไปถามว่า รถผมโดนทั้งหมดกี่ใบ แล้วเขาก็แจกแจงรายละเอียดมาให้ดังนี้ครับ ความเร็วที่เห็นคือความเร็วที่กล้องตรวจจับได้นะครับ ซึ่งถนนเส้นนี้จำกัดความเร็วที่ 50 km/h ส่วนตัวเลขด้านหลังคือค่าปรับ

    23 Dec'13   10:31PM   62 km/h     $106
    24 Dec'13   10:47PM   61 km/h     $106
      2 Jan'14     5:51PM   64 km/h     $248
      4 Jan'14   10:28PM   61 km/h     $106
    10 Jan'14   10:28PM   62 km/h     $106

ยังครับ ยังมีอีก ตอนที่ผมไปเที่ยวที่ Melbourne อันนี้ไม่เห็นป้ายจำกัดความเร็วจริงๆ ซึ่งเขาจำกัดความเร็วที่ 60  km/h

    25 Jan'14   10:01AM   78 km/h     $289

ยังไม่พอนะครับ โดนค่าทำเรื่องที่บริษัทรถเช่าอีก $35 เพราะตอนเที่ยว Melbourne ใช้บริการรถเช่าเอาครับ กระเป๋าแห้งกันเลยทีเดียวครับ

ตารางด้านล่างนี้เป็นค่าปรับที่ความเร็วต่างๆนะครับ ซึ่งทั่วไปเขาจะอนุโลมให้เร็วไม่เกิน 10 km/h ของความเร็วที่เขากำหนด ส่วนค่าปรับประเภทอื่นๆ เช่น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ดื่มแอลกอฮอร์ ไม่มีใบขับขี่ เป็นต้น ก็ลองเข้าไปดูที่ penalties ได้เลยครับ (ปล. ยังหารายละเอียดค่าปรับของ ขับรถฝ่าไฟแดง กับไม่ข้ามถนนตรงทางที่มาลาย ไม่ได้ เดี๋ยวถ้าหาได้ จะเอามาเพิ่มเติมให้นะครับ)


Offence
Light Vehicles
Mid Range Trucks
(>4.5t but <=12.0t GVM)
Coaches & Heavy
Vehicles
Exceed speed limit by:
Demerit Points
Fine
Fine
Fine
Not more than 10 km/h
1
$106
$319
$319
Not more than 10 km/h
(Learner, P1 or P2 licence holder)
4
$106
$319
$319
Not more than 10 km/h (in school zone)
2
$177
$425
$425
Not more than 10 km/h (Learner, P1 or P2 in school zone)
5
$177
$425
$425
More than 10 km/h but not more than 20 km/h
3
$248
$425
$425
More than 10 km/h but not more than 20 km/h (Learner, P1 or P2 licence holder)
4
$248
$425
$425
More than 10 km/h but not more than 20 km/h (in school zone)
4
$319
$531
$531
More than 10 km/h but not more than 20 km/h (Learner, P1 or P2 in school zone)
5
$319
$531
$531
More than 20 km/h but not more than 30 km/h
4
$425
$531
$531
More than 20 km/h but not more than 30 km/h (in school zone)
5
$531
$638
$638
More than 30 km/h but not more than 45 km/h
5
$815
$815
$1,276
More than 30 km/h but not more than 45 km/h (in school zone)
6
$1,028
$1,028
$1,346
More than 45 km/h
6
$2,197
$2,197
$3,331
More than 45 km/h (in school zone)
7
$2,341
$2,341
$3,612


อีกอย่างหนึ่งนะครับ ที่นี้เวลาเราขับผ่านโรงเรียนในช่วงเวลา 8-9:30AM และ 2:30-4PM เขาจะกำจัดความเร็วที่ 40 km/h เป็นส่วนใหญ่นะครับ

- จอดผิดที่ ก็โดนปรับ
อีกอย่างที่ผมเคยโดนปรับคือ จอดรถเกินเวลาและจอดในที่ห้ามจอดครับ ครั้งหนึ่ง ผมจอดรถไว้ข้างถนนซึ่งสามารถจอดได้แค่ 1hr ในช่วงเวลา 9AM-5PM วันนั้นผมจอดรถหลังห้าโมงเย็นทิ้งไว้ข้ามคืน กะว่าตื่นเช้ามาจะไปย้ายรถ แต่ผมกลับตื่นสาย ไปย้ายรถตอน 10:30AM ซึ่งมันก็เกิน 1hr มาครึ่งชั่วโมงแล้ว พอเดินมาถึงที่รถ ก็มีใบกระดาษสีขาวๆ เน็บที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ และนั่นผมก็รู้ตัวทันทีว่าโดนเข้าแล้วครับ $101

และอีกที่ครับ ช่วงที่ผมเดินทางไป QLD ได้มีโอกาศแวะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Byron bay light house ซึ่งเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ ตีห้ากว่าๆ และก็ต้องขับรถเข้าไปลึกพอสมควร แต่เนื่องด้วยมีผู้คนมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเยอะเหมือนกัน ที่จอดรถเลยเต็ม และด้วยความประมาทครับ เช้าๆในที่แบบนี้ ไม่น่าจะมีเจ้าหน้าที่มาแน่ เลยจอดในที่ที่เขาถามจอด เพราะกะไปดูแป็ปเดียวก็ลงมาล่ะ หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยงามเพียงแค่ 15 นาที ผมก็รีบลงมาที่รถทันที แล้วมันก็เป็นจริง รถผมมีกระดาษสีขาวๆเน็บที่ปัดน้ำฝนอีกแล้วครับ อย่างที่ผมบอกในบันทึกเรื่องการขับรถจาก Sydney to Brisbane อะไรก็ดีไปหมด ถ้าไม่โดนปรับซะก่อน เจ้าหน้าที่ที่นี้ เขาทำงานกันตลอด 24hr ทุกที่ทุกเวลากันเลยหรือไงเนี่ยยย ก็โดนไปอีก $101



มาดูตัวอย่างป้ายในการจอดรถสักตัวอย่างนะครับ จากป้ายด้านบน หมายความว่า 

1/2P = ในบริเวณที่ลูกศรชี้ไปนั่น สามารถจอดรถได้ ครึ่งชั่วโมง 1/2P ก็คือ ครึ่งชั่วโมงครับ ถ้าจอดได้ 1 ชั่งโมง มันจะเขียนว่า 1P
9AM-5:30PM Mon-Fri = ในช่วงเวลา เก้าโมงเช้าถึง ห้าโมงครึ่งตอนเย็น ของวันจันทร์ถึงวันศุกร์ สามารถจอดรถได้ ครึ่งชั่วโมง 
9AM-12Noon Sat = และในช่วงเวลา เก้าโมงเช้าถึงเที่ยงวันของวันเสาร์ ก็จอดได้แค่ครึ่งชั่วโมง

ที่นี้บางคนอาจสงสัยว่า แล้วเวลาอื่นที่ป้ายไม่ได้บอกไว้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นวันอาทิตย์หรือหลัง 5:30PM คำตอบก็คือ สามารถจอดได้นานเท่าไรก็ได้ครับ

อีกนิดนะครับ ถ้าป้ายไหนมีคำว่า Ticket, Meter, Coupon อยู่บนป้ายด้วย จะหมายความว่า ในช่วงวันเวลาที่ป้ายบอกนั้น เราต้องเสียค่าจอดด้วย ซึ่งมันจะมีตู้ให้เราเสียค่าจอดใกล้ๆบริเวณที่เราจอดนั้นแหละครับ แนะนำให้ลองศึกษาป้ายอื่นๆ หรือกฏระเบียบการขับรถอื่นๆได้ ที่นี้ เลยครับ

- ถึงเวลาชดใช้กรรม
และแล้ว เราทำอะไรก็ต้องชดใช้ครับ ซึ่งการจ่ายค่าปรับที่ Australia สามารถทำได้อยู่หลายวิธี เช่น จ่ายที่ post office, จ่าย online ด้วยบัตร credit เป็นต้น แต่ปัญหาของผมก็คือ โดนเยอะซะขนาดนี้ จ่ายทีเดียวไม่ไหวครับ เลยโทรไปที่หน่วยงานของเขาที่เบอร์ 1300 655 805 ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องค่าปรับของรัฐ NSW ขอบอกว่า เราสามารถขอคุยกับล่ามภาษาไทยได้ครับ ที่นี้ผมก็ขอเขาผ่อนจ่ายเอา แน่นอนครับว่ามันไม่ได้ แต่ยังไม่หมดหวังครับ เพราะเขามีระยะให้ชำระอยู่ ก่อนที่จะโดนปรับเพิ่ม $65 ต่อรายการจากการจ่ายช้า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ตั้งแต่ได้รับใบแจ้งค่าปรับ Penalty Notice เขาจะมีเวลาให้ประมาณ 3 week ในการไปจ่าย ถ้ายังไม่จ่าย เราก็จะได้รับใบแจ้งเตือน Penalty Reminder Notice มา เขาก็ให้เวลาอีก 5 week ในการจ่าย ซึ่งคราวนี้แหละครับ ตั้งแต่วันที่เขาออกจดหมายค่าปรับมาให้ จนถึงวันสุดท้ายของการจ่ายในใบแจ้งเตือน โดยรวมๆก็ประมาณ 8 week เขาแนะนำว่า ให้จ่ายให้ได้มากที่สุดครับ ซึ่งจนถึงวันสุดท้ายของใบแจ้งเตือน ผมก็จ่ายไปได้มากกว่าครึ่งของค่าปรับทั้งหมด มันก็มีจดหมายสุดท้ายส่งมาให้ว่า ถ้าไม่จ่ายทั้งหมดภายในอีก 3 week จะโดนปรับเพิ่ม $65 จริงๆล่ะ รวมแล้วทั้งหมดก็ประมาณ 11 week ครับ และผมก็ไม่รอจนถึงวันนั้นครับ เพราะไม่กล้าเสี่ยงว่าจะโดนปรับเพิ่มหรือเปล่า ผมจึงพยายามจ่ายให้ได้มากกว่าครึ่งภายใน 8 week นับตั้งแต่ใบแจ้งค่าปรับมา และจ่ายส่วนที่เหลือให้หมดใน week ที่ 9 นั่นเอง


สรุปแล้วการใช้ชีวิตอยู่ใน Australia เกือบ 1 ปีมานี้ เสียค่าปรับทั้งสิ้นประมาณ $1,400 คิดเป็นเงินไทยก็ 42,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถซื้อรถยนต์สภาพพอใช้ได้มือสองได้หนึ่งคัน ซื้อ deal ไปเที่ยวพักโรงแรมระดับ 4 ดาวเป็นอาทิตย์พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับได้หนึ่ง deal แม้กระทั่งสามารถนำไปจ่ายค่าเทอมเรียนภาษาที่นี้ได้เลยเป็นเทอม หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะไม่เจริญรอยตามนะครัช


แหล่งที่มา

http://www.transportnsw.info/en/tickets/fines.page?
http://www.rms.nsw.gov.au/usingroads/penalties/speeding.html

Pic : http://cardriving.com.au/Photo/Speed_Speed_Camera_sign_variant.JPG

http://www.carr.org.au/school-zone-sign.gif

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

ขับรถจาก Sydney to Brisbane



เริ่มบันทึกแรกด้วยเรื่องที่ผ่านมาใกล้ที่สุด คือ เมื่อได้มีโอกาสขับรถยนต์จาก Sydney to Brisbane เมื่อช่วงต้นเดือน Feb'2014 ต่างคนต่างเหตุผลในการเดินทาง บางคนจำเป็นต้องเดินทาง บางคนแค่อยากท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามสิ่งที่คุณจะได้มาแน่ๆคือประสบการณ์นั่นแหละครับ สิ่งแรกที่ผมทำก็คือ





1. วางแผน

หลังจากที่ลองหาข้อมูลดูและ review ของคนที่เคยเดินทางแบบนี้มาก่อน ผมจึงใช้ข้อมูลจากเวป Pacific coast เป็นหลัก และ Legendary beaches and bush เพื่อวางแผนเส้นทาง และ download touring guide มาดูจุดอื่นๆที่น่าสนใจ โดยผมจะใช้เวลาเดินทาง 3 วัน 2 คืน ระยะทางประมาณ 931Km




- วันแรก ออกจาก Sydney จะแวะ่ Watagans National Park, Birubi Beach Holiday Park, เล่น sandboarding ที่ port stephen, ดู farm ที่ Nabiac, ขับดูวิวเส้น Ocean Drive จุดหมายปลายทางพักที่ Port Macquarie YHA - Ozzie Pozzie Backpackers

- วันที่ 2 ออกจากที่พัก แวะ Yarriabini National Park, ดูศิลปะบนหินที่ V-Wall Tavern, Dorrigo National Park, ดู Gallery ที่ Grafton, จุดหมายพักที่ Cape Byron Lodge


- วันที่ 3 ออกเดินทางแวะ Cape Byron Lighthouse , ดูน้ำตกที่ Nightcap National Park และ Brunswick Heads แล้วเข้า Brisbane เลย ซึ่งจุดหมายที่พักอยู่ที่ Eco inn อันที่จริง เส้นทางนี้จะผ่าน Tweed head และ Gold Coast ซึ่งมี beach ที่น่าแวะอยู่หลายจุดแต่เคยมาแล้ว เลยขอตรงมุงน่าสู่ที่พัก



มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจเลยทีเดียวก็คือ หาเพื่อนร่วมทาง ช่วยหารค่าน้ำมันกัน ถึงแม้เราจะไม่มีรถ แต่อยากไปเที่ยว เราก็สามารถหาเพื่อนร่วมทางไปด้วยกันได้ ซึ่งเราก็สามารถหาได้จากเวป Gumfree ที่นี้ก็จะได้ประสบการณ์ที่แปลกออกไปอีกแบบ



2. พี่พัก
เราสามารถหาที่พักได้ในเวปของ pacific coast ซึ่งก็จะมีรายละเอียดที่พักให้ ไม่ว่าจะเป็น Holiday park, Hotel, Hostel, Backpacker หรือจะหาในเวปของ hostel world ก็ได้ครับ หรือเอาแบบประหยัดสุดๆ คือ ไม่เสียตังเลยก็ นอนในรถแหละครับ ตามจุดแวะพักข้างทาง เขาจะมีห้องน้ำให้ แต่เราต้องมีน้ำดื่ม อาหาร ติดตัวไปเอง ส่วนผมเลือกพักแบบ Backpacker ครับ โดยคืนแรกพักที่  YHA - Ozzie Pozzie Backpackers ที่ Port Macquarie ถ้าไม่ใช่สมาชิกก็ $35 AUD ต่อคืน ถ้าเป็นสมาชิกก็ $32 สภาพดีครับ นอนห้องรวม 4 เตียง ห้องน้ำรวม ห้องครัวสะอาด มีอุปกรณ์ให้
  
คืนที่สองพักที่ Byron Bay อยากจะลองแบบอื่นดูบ้าง เลยพักที่ Cape Byron Lodge ตก $31 ต่อคืน ถูกกว่านิดหน่อย แต่ห้องครัวไม่สะอาดเท่า YHA ครับ และต้องไปขอจานกับช้อนที่ reception ด้วย


ส่วนจุดหมายปลายทางจะไปพักที่ Eco inn ใน Brisbane ครับ อยู่ที่ 17 Mallon st, Bowen hill, QLD เคยพักมารอบหนึ่งแล้ว ติดใจครับ เพราะมันถูก ห้องครัวมีอุปกรณ์ให้ ห้องสะอาดใช้ได้ แต่ขึ้นอยู่กับเพื่อนร่วมห้องด้วย แถมยังมีของกินให้ฟรีอีกมากมาย เช่น นม ขนมปัง แยม ข้าว หัวหอม เป็นต้น ตกคืนล่ะประมาณ $19 ส่วนมากเป็นคน Taiwan และจีน ตอนไปพัก เราก็เป็นคนไทยเพียงหนึ่งเดียว ต้องยกเครดิตให้เพื่อนคนแรกที่รู้จักตอนมาเยียบพื้นแผ่นดินออสเตรเลียครั้งแรกเลยครับที่ทำให้ผมรู้จักที่พักนี้ เจ๊เหมือนฝัน มีชื่อภาษา eng เก๋ๆ ว่า Fiona เพราะคนที่นี้จะออกเสียง เหมือนฝัน ไม่ชัด จะออกเป็น มูฝา ก่อนที่คนอื่นจะคิดว่าเจ๊เขาเป็นลูกครึ่งตะวันออกกลาง เจ๊เข้าเลยขอชื่อ คุณครู fiona ดีกว่าน่อะ ถ้าเจ๊ได้เข้ามาอ่านก็ขอบคุณเจ๊มากๆเลยนะที่ช่วยเหลือ คุณครูโยคะสุด sexy มีเจ๊ไว้ ไม่ผิดหวังจริงๆ

แต่ไม่ว่าเราจะพักที่ไหน เราจะได้เหมือนๆก็คือ เพื่อนใหม่ ที่พักอยู่ห้องเดียวกับเรา บางคนมาเพื่อเที่ยว มาเพื่อเรียน มาจากยุโรป มาจากเกาหลี มาจากอินเดีย เราก็ได้รู้การใช้ชีวิตของแต่ล่ะคนไป


3. เตรียมความพร้อมรถ

ก็เหมือนกับเราต้องเดินทางไกลทั่วไปแหละครับ เช็คยาง น้ำมันเครื่อง หม้อน้ำ เบรค แบตเตอรี่ ซึ่งเนื่องด้วยผมไม่มีอุปกรณ์ในการเช็ค เลยต้องพึ่งช่างแหละครับ โชคดีที่รู้จักช่างคนไทยอยู่ท่านหนึ่ง ร้านพี่เขาอยู่ที่ Alexadria, NSW



นอกจากนี้ ผมก็เตรียมอุปกรณที่คิดว่าจำเป็นอื่นๆติดรถไปด้วยแหละครับ เช่น ที่ชาร์ตมือถือ ถังน้ำมันสำรอง แม่แรง สายเคเบิล น้ำมันเครื่อง ซึ่งหาซื้อได้ตามร้าน Super cheap auto หรือจะให้ถูกกว่านั่นก็หาซื้อตามของมือสองได้เลยครับ ใน gumtree, ebay อย่างแม่แรง ผมก็ได้มาในราคา $10 ในขณะที่มือหนึ่งราคา $40 ถังน้ำมันสำรองนี้ไม่จำเป็นก็ได้ครับ เพราะถ้าเราเต็มน้ำมันทุกครั้งที่มันลดลงเหลือ 1/4 ของถัง ก็ไม่มีปัญหา แต่ผมเตรียมไว้เพราะขี้เกียจแวะปั๊มบ่อยครับ ซึ่งบางช่วงของถนน จะมีป้ายบอกว่า ปั๊มหน้านี้จะเป็นปั๊มสุดท้ายของถนนช่วงนี้แล้ว ก็มีครับ




และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับผมก็คือ GPS นำทาง บางท่าน อาจจะเลือกใช้ GPS ที่ซื้อแยกต่างหาก ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถบอกความเร็วที่จำกัด และตำแหน่งกล้องตรวจจับความเร็วได้ด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ เราสามารถใช้ app ที่มาพร้อมกับมือถือเราได้เลย เพียงแค่ว่า เราต้องสังเกตุป้ายจำกัดความเร็ว และขับให้ตามกฏเท่านั้นเอง อย่างของผม ก็เลือกใช้ App Maps, Google Maps เอาครับ สลับกันทั้งสอง ซึ่ง Google Maps จะแม่นกว่าและสามารถขอทางเลี่ยงไม่ใช้เส้นที่ต้องเสียค่าทางด่วนได้ด้วย แต่ข้อเสียมันช้าและกินแบตเร็วมากครับ ผมเลยใช้ Maps ที่มากับเครื่องเป็นหลัก แล้วเช็คกับ Google Maps อีกที



4. ออกเดินทาง




ถนนที่นี้เมื่อขับไปสักพัก จะขับง่ายมาก ทุกคนเคารพกฏ เพราะเวลาโดนขึ้นมา ปรับหนัก เอาจริง เพื่อนบางคนเคยบอกว่า ขับรถอยู่ที่นี้นานๆแล้วไม่กล้ากลับไปขับที่ไทยเลยครับ สิ่งแรกที่เราเห็นคือ ป้ายบอกทางต่างๆ และเลนที่เขาแบ่งกันอย่างชัดเจน ขับไปสักพักก็จะเจอตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินตามข้างทางหลายๆจุด อีกทั้งยังมีช่วงที่ให้แซงโดยเฉพาะอีกต่างหาก





แต่สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดเลยก็คือ จุดพักริมทาง ที่นี้เขาทำค่อนข้างดีเลยครับ น่าแวะพัก มีห้องน้ำ ศาลาที่พัก บางจุดมีที่ปิ้งบาบีคิวให้ด้วย และเวลาที่อยากแวะเข้าห้องน้ำ ก็แวะตามที่พักริมทางนี้แหละครับ เพราะปั๊มน้ำมันไม่มีห้องน้ำให้ การขับรถที่นี้ เขาแนะนำให้แวะพักทุกๆ 2 ชั่วโมงหรือมีอาการเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นอาการหาว เหมื่อย เราจะเห็นได้จากโฆษณารณรงค์ที่นี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่ เมาแล้วอย่าขับ นะครับ แต่เป็นเรื่อง อ่อนล้าแล้วอย่าขับ ซะมากกว่า เพราะกฏหมายเขาเอาจริงเรื่องเมาแล้วขับมากอยู่แล้ว เห็นได้ว่า ที่นี้เขาเอาใจใส่กับเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างมาก เราสามารถศึกษาวิธีการใช้ถนนเพิ่มเติมได้จากเวปของ RMS ได้ครับ


5. ท่องเที่ยว
ถึงเวลาสนุกในการแวะเที่ยวตามที่เราวางแผนไว้ล่ะครับ แต่!! เอาเข้าจริง มันไม่เป็นได้ตามแผน กะแวะเที่ยวไว้เป็น 10 ที่ ได้แวะจริงๆไม่กี่ที่

วันแรกออกเดินทาง ตื่นสาย เลยมุ่งหน้ากะไปเล่น sandboarding ที่ port stephen เลย ขับไปถึงก็ 4pm มันก็ไม่ทันล่ะครับ เพราะรถรอบสุดท้ายที่จะลงมาจากทะเลทรายก็ 4:30pm อดไปหนึ่งที่ ไปต่อที่ ดู farm ที่ Nabiac กะได้ดู farm ตัวอย่างที่มีชื่อเสียง แล้วก็เหมือนเดิมครับ ปิด เพราะไปไม่ทัน สุดท้ายวันแรกนี้ไม่ได้ดูสถานที่เที่ยวที่ไหนเลยครับ ได้แต่ดูวิวตามทาง และขับดูวิวเส้น Ocean Drive




วันที่สอง เพิ่มโปรแกรมเข้าไป พอดีได้อ่านที่เที่ยวแนะนำตอนพักใน backpacker ไปดูศิลปะบนหินที่ Towns Beach 





 

ต่อด้วยแวะชมธรรมชาติที่ Yarriabini National Park 






ดูศิลปะบนหินที่ V-Wall Tavern ที่ Nambucca ผมชอบที่นี้มากกว่าที่แรกครับ ดูแล้วสวยกว่า



วันสุดท้าย ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Cape Byron Lighthouse วิวสวยดีครับ บรรยากาศสดชื่นมาก เกือบดีทุกอย่างล่ะครับ ถ้าไม่โดนปรับซะก่อน!! รออ่านตอนบทความหน้าเกี่ยวกับประสบการณ์โดนค่าปรับล่ะกันนะครับ






ดู Miyon Falls ที่ Nightcap National Park ตอนเดินทางมาที่นี้ GPS นำทางมาผิดครับ นำมาทางเข้าเก่า ซึ่งทางมันปิดไปแล้ว โชคดีเจอชาวบ้านแถวนั่นบอก เขาบอกมาว่า มีนักท่องเที่ยวหลายประเทศหลงมาจากนี้ เพราะตาม GPS มา เลยต้องเสียเวลาอีก 2 ชั่มโมงในการวกกลับแล้วเข้าทางใหม่ ว่าแต่ น้ำตก มันหายไปไหนหวาา











และแล้วก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ในเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งเอาจริง ถ้าไม่แวะที่ไหนเลย แค่วันเดียวก็ถึงล่ะครับ เพราะขากลับ ผมออกจาก Sunshine coast ซึ่งอยู่ทางเหนือของ Brisbane ไปอีก 70 km ตอน 5:30 am ถึง Sydney ตอน 10pm ในวันเดียวกัน ระยะทางก็ 1000 km พอดี สรุปทริปนี้ค่าน้ำมัน 3 ถังนิดๆ $200 น้ำมันยังเหลืออยู่ครับ ซึ่งแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินแน่นอน บางที ความสุข มันอยู่กับการที่เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำซะมากกว่า บันทึกนี้เป็นบันทึกแรกของผม ถ้ามีอะไรแนะนำ ติชม หรือสงสัย ก็ติดต่อได้เลยครับ บันทีกหน้า มาดูประสบการณ์การขับรถบนถนน Great Ocean Road ใน Melbourne ถนนที่ขึ้นชื่อสวยที่สุดที่หนึ่งของโลกเลยทีเดียวกันครับ


แหล่งที่มา :

VDO : http://legendarybeachesandbush.com.au/

Pic : http://www.discovery-campervans.com.au/images/maps/brisbane-sydney.png

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/1c/PacificHWY-RD-SYD-BNE.png
http://www.docstoc.com/docs/24488908/THE-PLAN-FOR-THE-PACIFIC-HIGHWAY
http://www.ozroads.com.au/NSW/RouteNumbering/Metroads/3/13.JPG
http://www.busaroundglobe.com/globe/country/australia_globe/images/10-au-040-04.jpg
http://www.rms.nsw.gov.au/usingroads/images/f3/restarea.gif
http://rogerwendell.com/images/australiatwo/australia_overtaking_lane.jpg