วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

ขับรถจาก Sydney to Brisbane



เริ่มบันทึกแรกด้วยเรื่องที่ผ่านมาใกล้ที่สุด คือ เมื่อได้มีโอกาสขับรถยนต์จาก Sydney to Brisbane เมื่อช่วงต้นเดือน Feb'2014 ต่างคนต่างเหตุผลในการเดินทาง บางคนจำเป็นต้องเดินทาง บางคนแค่อยากท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามสิ่งที่คุณจะได้มาแน่ๆคือประสบการณ์นั่นแหละครับ สิ่งแรกที่ผมทำก็คือ





1. วางแผน

หลังจากที่ลองหาข้อมูลดูและ review ของคนที่เคยเดินทางแบบนี้มาก่อน ผมจึงใช้ข้อมูลจากเวป Pacific coast เป็นหลัก และ Legendary beaches and bush เพื่อวางแผนเส้นทาง และ download touring guide มาดูจุดอื่นๆที่น่าสนใจ โดยผมจะใช้เวลาเดินทาง 3 วัน 2 คืน ระยะทางประมาณ 931Km




- วันแรก ออกจาก Sydney จะแวะ่ Watagans National Park, Birubi Beach Holiday Park, เล่น sandboarding ที่ port stephen, ดู farm ที่ Nabiac, ขับดูวิวเส้น Ocean Drive จุดหมายปลายทางพักที่ Port Macquarie YHA - Ozzie Pozzie Backpackers

- วันที่ 2 ออกจากที่พัก แวะ Yarriabini National Park, ดูศิลปะบนหินที่ V-Wall Tavern, Dorrigo National Park, ดู Gallery ที่ Grafton, จุดหมายพักที่ Cape Byron Lodge


- วันที่ 3 ออกเดินทางแวะ Cape Byron Lighthouse , ดูน้ำตกที่ Nightcap National Park และ Brunswick Heads แล้วเข้า Brisbane เลย ซึ่งจุดหมายที่พักอยู่ที่ Eco inn อันที่จริง เส้นทางนี้จะผ่าน Tweed head และ Gold Coast ซึ่งมี beach ที่น่าแวะอยู่หลายจุดแต่เคยมาแล้ว เลยขอตรงมุงน่าสู่ที่พัก



มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจเลยทีเดียวก็คือ หาเพื่อนร่วมทาง ช่วยหารค่าน้ำมันกัน ถึงแม้เราจะไม่มีรถ แต่อยากไปเที่ยว เราก็สามารถหาเพื่อนร่วมทางไปด้วยกันได้ ซึ่งเราก็สามารถหาได้จากเวป Gumfree ที่นี้ก็จะได้ประสบการณ์ที่แปลกออกไปอีกแบบ



2. พี่พัก
เราสามารถหาที่พักได้ในเวปของ pacific coast ซึ่งก็จะมีรายละเอียดที่พักให้ ไม่ว่าจะเป็น Holiday park, Hotel, Hostel, Backpacker หรือจะหาในเวปของ hostel world ก็ได้ครับ หรือเอาแบบประหยัดสุดๆ คือ ไม่เสียตังเลยก็ นอนในรถแหละครับ ตามจุดแวะพักข้างทาง เขาจะมีห้องน้ำให้ แต่เราต้องมีน้ำดื่ม อาหาร ติดตัวไปเอง ส่วนผมเลือกพักแบบ Backpacker ครับ โดยคืนแรกพักที่  YHA - Ozzie Pozzie Backpackers ที่ Port Macquarie ถ้าไม่ใช่สมาชิกก็ $35 AUD ต่อคืน ถ้าเป็นสมาชิกก็ $32 สภาพดีครับ นอนห้องรวม 4 เตียง ห้องน้ำรวม ห้องครัวสะอาด มีอุปกรณ์ให้
  
คืนที่สองพักที่ Byron Bay อยากจะลองแบบอื่นดูบ้าง เลยพักที่ Cape Byron Lodge ตก $31 ต่อคืน ถูกกว่านิดหน่อย แต่ห้องครัวไม่สะอาดเท่า YHA ครับ และต้องไปขอจานกับช้อนที่ reception ด้วย


ส่วนจุดหมายปลายทางจะไปพักที่ Eco inn ใน Brisbane ครับ อยู่ที่ 17 Mallon st, Bowen hill, QLD เคยพักมารอบหนึ่งแล้ว ติดใจครับ เพราะมันถูก ห้องครัวมีอุปกรณ์ให้ ห้องสะอาดใช้ได้ แต่ขึ้นอยู่กับเพื่อนร่วมห้องด้วย แถมยังมีของกินให้ฟรีอีกมากมาย เช่น นม ขนมปัง แยม ข้าว หัวหอม เป็นต้น ตกคืนล่ะประมาณ $19 ส่วนมากเป็นคน Taiwan และจีน ตอนไปพัก เราก็เป็นคนไทยเพียงหนึ่งเดียว ต้องยกเครดิตให้เพื่อนคนแรกที่รู้จักตอนมาเยียบพื้นแผ่นดินออสเตรเลียครั้งแรกเลยครับที่ทำให้ผมรู้จักที่พักนี้ เจ๊เหมือนฝัน มีชื่อภาษา eng เก๋ๆ ว่า Fiona เพราะคนที่นี้จะออกเสียง เหมือนฝัน ไม่ชัด จะออกเป็น มูฝา ก่อนที่คนอื่นจะคิดว่าเจ๊เขาเป็นลูกครึ่งตะวันออกกลาง เจ๊เข้าเลยขอชื่อ คุณครู fiona ดีกว่าน่อะ ถ้าเจ๊ได้เข้ามาอ่านก็ขอบคุณเจ๊มากๆเลยนะที่ช่วยเหลือ คุณครูโยคะสุด sexy มีเจ๊ไว้ ไม่ผิดหวังจริงๆ

แต่ไม่ว่าเราจะพักที่ไหน เราจะได้เหมือนๆก็คือ เพื่อนใหม่ ที่พักอยู่ห้องเดียวกับเรา บางคนมาเพื่อเที่ยว มาเพื่อเรียน มาจากยุโรป มาจากเกาหลี มาจากอินเดีย เราก็ได้รู้การใช้ชีวิตของแต่ล่ะคนไป


3. เตรียมความพร้อมรถ

ก็เหมือนกับเราต้องเดินทางไกลทั่วไปแหละครับ เช็คยาง น้ำมันเครื่อง หม้อน้ำ เบรค แบตเตอรี่ ซึ่งเนื่องด้วยผมไม่มีอุปกรณ์ในการเช็ค เลยต้องพึ่งช่างแหละครับ โชคดีที่รู้จักช่างคนไทยอยู่ท่านหนึ่ง ร้านพี่เขาอยู่ที่ Alexadria, NSW



นอกจากนี้ ผมก็เตรียมอุปกรณที่คิดว่าจำเป็นอื่นๆติดรถไปด้วยแหละครับ เช่น ที่ชาร์ตมือถือ ถังน้ำมันสำรอง แม่แรง สายเคเบิล น้ำมันเครื่อง ซึ่งหาซื้อได้ตามร้าน Super cheap auto หรือจะให้ถูกกว่านั่นก็หาซื้อตามของมือสองได้เลยครับ ใน gumtree, ebay อย่างแม่แรง ผมก็ได้มาในราคา $10 ในขณะที่มือหนึ่งราคา $40 ถังน้ำมันสำรองนี้ไม่จำเป็นก็ได้ครับ เพราะถ้าเราเต็มน้ำมันทุกครั้งที่มันลดลงเหลือ 1/4 ของถัง ก็ไม่มีปัญหา แต่ผมเตรียมไว้เพราะขี้เกียจแวะปั๊มบ่อยครับ ซึ่งบางช่วงของถนน จะมีป้ายบอกว่า ปั๊มหน้านี้จะเป็นปั๊มสุดท้ายของถนนช่วงนี้แล้ว ก็มีครับ




และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับผมก็คือ GPS นำทาง บางท่าน อาจจะเลือกใช้ GPS ที่ซื้อแยกต่างหาก ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถบอกความเร็วที่จำกัด และตำแหน่งกล้องตรวจจับความเร็วได้ด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ เราสามารถใช้ app ที่มาพร้อมกับมือถือเราได้เลย เพียงแค่ว่า เราต้องสังเกตุป้ายจำกัดความเร็ว และขับให้ตามกฏเท่านั้นเอง อย่างของผม ก็เลือกใช้ App Maps, Google Maps เอาครับ สลับกันทั้งสอง ซึ่ง Google Maps จะแม่นกว่าและสามารถขอทางเลี่ยงไม่ใช้เส้นที่ต้องเสียค่าทางด่วนได้ด้วย แต่ข้อเสียมันช้าและกินแบตเร็วมากครับ ผมเลยใช้ Maps ที่มากับเครื่องเป็นหลัก แล้วเช็คกับ Google Maps อีกที



4. ออกเดินทาง




ถนนที่นี้เมื่อขับไปสักพัก จะขับง่ายมาก ทุกคนเคารพกฏ เพราะเวลาโดนขึ้นมา ปรับหนัก เอาจริง เพื่อนบางคนเคยบอกว่า ขับรถอยู่ที่นี้นานๆแล้วไม่กล้ากลับไปขับที่ไทยเลยครับ สิ่งแรกที่เราเห็นคือ ป้ายบอกทางต่างๆ และเลนที่เขาแบ่งกันอย่างชัดเจน ขับไปสักพักก็จะเจอตู้โทรศัพท์ฉุกเฉินตามข้างทางหลายๆจุด อีกทั้งยังมีช่วงที่ให้แซงโดยเฉพาะอีกต่างหาก





แต่สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดเลยก็คือ จุดพักริมทาง ที่นี้เขาทำค่อนข้างดีเลยครับ น่าแวะพัก มีห้องน้ำ ศาลาที่พัก บางจุดมีที่ปิ้งบาบีคิวให้ด้วย และเวลาที่อยากแวะเข้าห้องน้ำ ก็แวะตามที่พักริมทางนี้แหละครับ เพราะปั๊มน้ำมันไม่มีห้องน้ำให้ การขับรถที่นี้ เขาแนะนำให้แวะพักทุกๆ 2 ชั่วโมงหรือมีอาการเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นอาการหาว เหมื่อย เราจะเห็นได้จากโฆษณารณรงค์ที่นี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่ เมาแล้วอย่าขับ นะครับ แต่เป็นเรื่อง อ่อนล้าแล้วอย่าขับ ซะมากกว่า เพราะกฏหมายเขาเอาจริงเรื่องเมาแล้วขับมากอยู่แล้ว เห็นได้ว่า ที่นี้เขาเอาใจใส่กับเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างมาก เราสามารถศึกษาวิธีการใช้ถนนเพิ่มเติมได้จากเวปของ RMS ได้ครับ


5. ท่องเที่ยว
ถึงเวลาสนุกในการแวะเที่ยวตามที่เราวางแผนไว้ล่ะครับ แต่!! เอาเข้าจริง มันไม่เป็นได้ตามแผน กะแวะเที่ยวไว้เป็น 10 ที่ ได้แวะจริงๆไม่กี่ที่

วันแรกออกเดินทาง ตื่นสาย เลยมุ่งหน้ากะไปเล่น sandboarding ที่ port stephen เลย ขับไปถึงก็ 4pm มันก็ไม่ทันล่ะครับ เพราะรถรอบสุดท้ายที่จะลงมาจากทะเลทรายก็ 4:30pm อดไปหนึ่งที่ ไปต่อที่ ดู farm ที่ Nabiac กะได้ดู farm ตัวอย่างที่มีชื่อเสียง แล้วก็เหมือนเดิมครับ ปิด เพราะไปไม่ทัน สุดท้ายวันแรกนี้ไม่ได้ดูสถานที่เที่ยวที่ไหนเลยครับ ได้แต่ดูวิวตามทาง และขับดูวิวเส้น Ocean Drive




วันที่สอง เพิ่มโปรแกรมเข้าไป พอดีได้อ่านที่เที่ยวแนะนำตอนพักใน backpacker ไปดูศิลปะบนหินที่ Towns Beach 





 

ต่อด้วยแวะชมธรรมชาติที่ Yarriabini National Park 






ดูศิลปะบนหินที่ V-Wall Tavern ที่ Nambucca ผมชอบที่นี้มากกว่าที่แรกครับ ดูแล้วสวยกว่า



วันสุดท้าย ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Cape Byron Lighthouse วิวสวยดีครับ บรรยากาศสดชื่นมาก เกือบดีทุกอย่างล่ะครับ ถ้าไม่โดนปรับซะก่อน!! รออ่านตอนบทความหน้าเกี่ยวกับประสบการณ์โดนค่าปรับล่ะกันนะครับ






ดู Miyon Falls ที่ Nightcap National Park ตอนเดินทางมาที่นี้ GPS นำทางมาผิดครับ นำมาทางเข้าเก่า ซึ่งทางมันปิดไปแล้ว โชคดีเจอชาวบ้านแถวนั่นบอก เขาบอกมาว่า มีนักท่องเที่ยวหลายประเทศหลงมาจากนี้ เพราะตาม GPS มา เลยต้องเสียเวลาอีก 2 ชั่มโมงในการวกกลับแล้วเข้าทางใหม่ ว่าแต่ น้ำตก มันหายไปไหนหวาา











และแล้วก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ในเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งเอาจริง ถ้าไม่แวะที่ไหนเลย แค่วันเดียวก็ถึงล่ะครับ เพราะขากลับ ผมออกจาก Sunshine coast ซึ่งอยู่ทางเหนือของ Brisbane ไปอีก 70 km ตอน 5:30 am ถึง Sydney ตอน 10pm ในวันเดียวกัน ระยะทางก็ 1000 km พอดี สรุปทริปนี้ค่าน้ำมัน 3 ถังนิดๆ $200 น้ำมันยังเหลืออยู่ครับ ซึ่งแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินแน่นอน บางที ความสุข มันอยู่กับการที่เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำซะมากกว่า บันทึกนี้เป็นบันทึกแรกของผม ถ้ามีอะไรแนะนำ ติชม หรือสงสัย ก็ติดต่อได้เลยครับ บันทีกหน้า มาดูประสบการณ์การขับรถบนถนน Great Ocean Road ใน Melbourne ถนนที่ขึ้นชื่อสวยที่สุดที่หนึ่งของโลกเลยทีเดียวกันครับ


แหล่งที่มา :

VDO : http://legendarybeachesandbush.com.au/

Pic : http://www.discovery-campervans.com.au/images/maps/brisbane-sydney.png

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/1c/PacificHWY-RD-SYD-BNE.png
http://www.docstoc.com/docs/24488908/THE-PLAN-FOR-THE-PACIFIC-HIGHWAY
http://www.ozroads.com.au/NSW/RouteNumbering/Metroads/3/13.JPG
http://www.busaroundglobe.com/globe/country/australia_globe/images/10-au-040-04.jpg
http://www.rms.nsw.gov.au/usingroads/images/f3/restarea.gif
http://rogerwendell.com/images/australiatwo/australia_overtaking_lane.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น